วันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2553

การโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อดิจิทัล



          หากองค์กรของคุณต้องการสร้างสื่อ โฆษณา ประชาสัมพันธ์ ด้วยเทคโนโลยี ทีมีความง่าย และปรับเปลี่ยนข้อมูลสินค้าและบริการของคุณได้อย่างรวดเร็ว สื่อดิจิทัล เป็นอีกช่องทางของการสื่อสารการตลาดแบบดิจิตอลที่ช่วยลดต้นทุน การสร้างสื่อโฆษณา การกระตุ้นการจดจำของสินค้าเพื่อเพิ่มยอดขายผ่านช่องทาง LCD TV เนื่องจากสื่อประเภท ดิจิทัล มีแนวโน้มการเจริญเติบโตสูงขึ้นในประเทศไทย เพื่อเป็นการยกระดับของการโฆษณาและการนำเสนองานอย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ ดังนั้นจึงทำให้เกิดการรวบรวมเทคโนโลยีในด้านต่าง ๆ ด้านซอฟท์แวร์ และฮาร์ดแวร์ เข้ามาใช้ร่วมกับเครือข่าย วิทยุโทรทัศน์ เพื่อการสร้างหน้าของสื่อ และการแพร่กระจาย ได้อย่างกว้างขวางพร้อมทั้งสามารถเข้าถึงความต้องการของลูกค้าได้มาก ดังนั้นเพื่อความสำเร็จในการดำเนินการด้านสื่อเหล่านี้จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเลือกสรรบริษัทที่มีความสามารถ และมีความชำนาญในธุรกิจด้านนี้ พร้อมทั้งภาพลักษณ์ ข่าวสารในอนาคตขององค์กร พร้อมทั้งความสำเร็จ ในการดำเนินงาน


         ด้วยยุคปัจจุบันเป็นยุคของสารสนเทศ (Information Age) เทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของคนเรามากขึ้น โดยเฉพาะด้านธุรกิจ ซึ่งมีการแข่งขันกันสูง จึงพยายามแสวงหากลยุทธ์ข้อได้เปรียบต่างๆ เข้ามาช่วย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า เทคโนโลยีที่นิยมกันอย่างแพร่หลายมากที่สุด คือเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ต แม้ในเรื่องของการตลาดก็มีการนำเอาอินเตอร์เน็ตเข้ามาใช้ เรียกว่า การทำการตลาดแบบออนไลน์ (Online Marketing) หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ปฏิสัมพันธ์ทางการตลาด (interactive Marketing) หมายถึง การใช้ระบบคอมพิวเตอร์ออนไลน์ ซึ่งเครื่องคอมพิวเตอร์สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้งานได้ และได้รับการตอบกลับอย่างรวดเร็ว หรือในลักษณะแบบทันทีทันใด กล่าวโดยง่ายก็คือ การสร้างเว็บไซต์ขึ้นมาเพื่อทำการตลาดนั่นเองในการทำการตลาดแบบออนไลน์นั้น มีหลักเกณฑ์ที่นิยมใช้กันมากที่สุด ดังต่อไปนี้ คือ



1. โปรแกรมค้นหา และสารบบ (Search engines and Directories)
     การสืบค้นข้อมูลด้วยโปรแกรมการค้นหาเป็นเรื่องที่นิยมกันมาก เนื่องจากสามารถค้นหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว เพราะมีการจัดหมวดหมู่หรือสารบบเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ เช่น หมวดธุรกิจ คอมพิวเตอร์ สุขภาพ กีฬา สมุนไพร เป็นต้น ผู้ใช้ในปัจจุบันนิยมสืบค้นหาข้อมูลบนโปรแกรมการค้นหากันอย่างมาก โดยเฉพาะเว็บไซต์ยอดนิยมอย่าง www. google.com ซึ่งมีเว็บเพ็จที่เชื่อมโยงมากกว่า 3 พันล้าน ดังนั้น หากผู้ประกอบการธุรกิจ รู้จักเทคนิคนี้ โดยสามารถพิมพ์คำที่ค้นหาที่เกี่ยวกับสินค้าของเว็บไซต์ลงไปในเว็บไซต์ของโปรแกรมการค้นหา ย่อมทำให้ผู้ค้นหาสามารถค้นหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว โปรแกรมค้นหาที่นิยม นอกเหนือจาก google.com แล้วก็ยังมีovertrure.com, inktomi, looksmart, findwhat, yahoo, altavista เป็นต้น




2.การทำการตลาดแบบแนวรุกกับดึงดูด (Push Versus Pull Marketing)
     การทำการตลาดลักษณะนี้ ได้แก่ การโฆษณาไปตาม E-Mail Address ของลูกค้า เพื่อขายสินค้า มีการลดแลกแจกแถมมากมาย มีคูปองส่วนลด ซึ่งเป็นการเข้าถึงลูกค้าได้เป็นการส่วนตัว การโฆษณาดึงดูดลูกค้า ผ่านทาง E-Mail และอินเตอร์เน็ตนี้ มีตัวอย่างมากมาย เช่น การโฆษณาของการทำงานที่บ้าน (Work at home) หรือการโฆษณาขายโทรศัพท์มือถือ แม้กระทั่งขายเครื่องคอมพิวเตอร์มือสอง เป็นต้น


3.สร้างหุ้นส่วนการเชื่อมโยง (Link Partnership Building)
     การเชื่อมโยงนั้นเป็นประโยชน์อย่างมากในการทำธุรกิจ เนื่องจากในระบบคอมพิวเตอร์ออนไลน์ปัจจุบัน มีสินค้าขายอยู่หลากหลายชนิด เช่น หากเราต้องการจะขายสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) เราต้องเอาเว็บไซต์ของเราไปเชื่อมโยงกับเว็บไซต์ OTOP ของรัฐบาล ซึ่งได้มี
นโยบายให้พัฒนาเว็บไซต์นี้ขึ้นโดยใช้ชื่อว่า www.ThaiTambon.com เพื่อเป็นศูนย์กลางในการจำหน่ายสินค้าOTOP ประโยชน์ที่ได้รับจากการสร้างหุ้นส่วนการเชื่อมโยงคือ
(1). ทำให้ลูกค้าเข้าถึงเป้าหมายบนเว็บไซต์ของเรามากขึ้น
(2). ทำให้อัตราการเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราสูงขึ้น
(3) ช่วยเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจ


4.กลุ่มข่าว และสภา (Newsgroups and Forums)
     กลวิธีนี้นับเป็นกลยุทธ์ที่ฉลาดมากเพื่อการติดต่อสื่อสารธุรกิจ เนื่องจากลูกค้าเขาจะมีสภาพแวดล้อมภายในของพวกเขาซึ่งอยู่ในระดับเดียวกัน เขาจะแนะนำพูดคุยสนทนาในเรื่องที่สภาหรือกลุ่มของพวกเขาสนใจเช่น กลุ่มคนที่ชื่นชอบหรือค้าขายเครื่องประดับ อัญมณีเขาจะมีชมรมของพวกเขาอย่างเว็บ www.pixiart.com ถ้าหากสินค้าของคุณเข้าไปอยู่ในกลุ่มเหล่านี้ได้ พวกเขาก็จะช่วยโฆษณาเว็บไซต์ได้อย่างดีทีเดียว


5.การตลาดแบบโปรแกรมตัวแทน (Affiliate Program)
     การตลาดลักษณะนี้ หมายถึงผู้ที่ต้องการหารายได้พิเศษสร้างเว็บไซต์ของตนขึ้นมา และสมัครเป็นสมาชิกของเว็บไซต์ที่ให้สมัครเป็นตัวแทนได้ เช่น เว็บไซต์ของวอลมาร์ทwww.walmart.com สินค้าของวอลมาร์ทมีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์, เครื่องใช้ภายในบ้าน, เครื่องประดับ, ของเล่นเด็ก เป็นต้นและทำการขายสินค้าให้วอลมาร์ท โดยเอาแถบประกาศ (Banner) ของวอลมาร์ทไปติดไว้ที่เว็บไซต์ของตนเอง เมื่อมีลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ ทางวอลมาร์ทจะให้ค่านายหน้าหรือตัวแทนขาย มีตั้งแต่ 5 % -12 % สุดแล้วแต่ข้อเสนอของเว็บไซต์นั้นๆ ธุรกิจลักษณะเช่นนี้ มีทำกันมากทั้ง amazon.com และ disney.com




6.การทำการตลาดแบบบอกต่อ (Viral Marketing)
     เป็นกลยุทธ์ในลักษณะให้กลุ่มของลูกค้า ช่วยทำการตลาดแทนเรา โดยพวกเขาจะบอกกต่อกับเพื่อนที่อยู่ในสายสัมพันธ์อันเดียวกัน วิธีนี้จะทำให้ผลิตภัณฑ์และการบริการของเราขยายวงกว้างออกไปมากขึ้นการตลาดในลักษณะนี้ก็คือเป็นการบอกต่อกันในลักษณะปากต่อปากนั่นเอง ซึ่งในระบบออนไลน์จะมีกลุ่มคนที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นร่วมกันอยู่เป็นจำนวนมาก หากมองในแง่ของธุรกิจแล้วการทำการตลาดแบบบอกต่อช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์และการบริการได้ดียิ่ง


7.การโฆษณาแบบแถบประกาศ (Banner Advertising)
     การตลาดลักษณะนี้ นับเป็นวิธีเก่าแก่ที่สุดที่มีการใช้กันมานานบนระบบคอมพิวเตอร์ออนไลน์ หากมองย้อนกลับไปถึงปี ค.ศ.1994 การโฆษณาแบบแถบประกาศสร้างประโยชน์ให้กับธุรกิจมาก คือ (1) ช่วยสนับสนุนให้ยี่ห้อเป็นที่รู้จัก (2) ช่วยเสริมยี่ห้อให้คนจำได้ และ (3) กระตุ้นสิ่งใหม่ๆ หรือช่วยให้คนเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์มากขึ้น (www.scottish-enterprise.com)ความก้าวหน้า ในการทำตลาดออนไลน์โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาช่วยสนับสนุนการตลาดเหล่านี้นับว่าเป็นกลยุทธ์ในต่างประเทศนิยมทำกันมาก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา และมีเม็ดเงินจำนวนมหาศาลที่หมุนเวียนอยู่ในธุรกิจลักษณะนี้ เพียงแต่ว่าต้องมีกฎหมายด้านอินเตอร์เน็ตและพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ออกมารองรับการทำธุรกรรมเหล่านี้อย่างครอบคลุมทั่วถึง










ข้อดีของการทำตลาดแบบออนไลน์ (Online Marketing)


สำหรับผู้ประกอบการ (ผู้ขาย)
1. ประหยัดค่าใช้จ่าย ช่วยลดต้นทุนในการลงโฆษณาสินค้าเมื่อเปรียบเทียบกับสื่อประเภทอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ นิตยสาร แผ่นพับ เนื่องจากมีราคาถูก และสามารถนำเสนอได้ตลอดทั้งวัน ช่วยลดต้นทุนในด้านการใช้บุคลากร
2. ประหยัดเวลา เพราะช่วยลดขั้นตอนการทำงาน เช่น ลดขั้นตอนการจัดทำเอกสารรายการสินค้าเพื่อส่งให้ลูกค้า ผู้ประกอบการสามารถส่งอีเมล์เพื่อนำเสนอสินค้าได้อย่างรวดเร็ว
3. ผลตอบรับรวดเร็ว ทั้งในส่วนนักการตลาดและผู้บริโภค เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากมายเกือบ 1,400 ล้านคน 225 ประเทศ 104 ภาษา
4. เป็นการเพิ่มความสามารถ ในการเก็บข้อมูลและการวัดผลที่แม่นยำ ง่ายต่อการตรวจสอบความคุ้มค่า สามารถตรวจสอบปริมาณการเข้าชมของลูกค้าได้
5. เป็นการสร้างความเป็นไปได้ ในการทำการตลาดแต่ละบุคคล สามารถนำเสนอขายสินค้าเมื่อผู้ซื้อสนใจในสินค้า
6. เพิ่มการสื่อสารระหว่างกันมากขึ้น สามารถขยายขอบเขตตลาดให้ครอบคลุมทั้งในประเทศและต่างประเทศ
7. สามารถทำการตลาดอิเล็กทรอนิกส์ได้ตลอดเวลา ตลอด 24 ชั่วโมง 365 วัน ไม่มีวันหยุดทำการ
8. การโฆษณาประชาสัมพันธ์สามารถทำได้อย่างกว้างขวาง สามารถเชื่อมโยงกับเว็บไซต์ต่างๆได้ตามกลุ่มเป้าหมายตามที่เราตั้งเอาไว้




สำหรับลูกค้า
 1.ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าและบริการ ที่ตรงกับความต้องการมากที่สุดได้จากทั่วทุกมุมโลกในเวลาอันรวดเร็วทำให้ลูกค้าได้รับสิ่งที่ดีที่สุด
2.ผู้ซื้อประหยัดเวลาในการเลือกซื้อสินค้า สามารถเข้าถึงข้อมูลสินค้าได้โดยง่าย รวดเร็ว และใกล้เคียงกับความเป็นจริง ในการตลาดแบบดั้งเดิมนั้น ผู้ซื้อจำเป็นจะต้องเดินทางไปยังสถานที่ขายสินค้าหลายแห่งเพื่อเปรียบเทียบสินค้า ซึ่งอาจทำได้ไม่ครบ แต่การเลือกซื้อผ่านเว็บไซต์จะช่วยทำให้ผู้ซื้อสามารถเลือกซื้อเปรียบเทียบสินค้าได้ครบถ้วนตามต้องการ
3.ผู้ซื้อประหยัดค่าใช้จ่าย ช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการติดต่อสื่อสารกับผู้ขาย นอกจากนั้นการติดต่อสื่อสารยังสามารถทำได้ตลอดเวลา แม้ว่าผู้ขายสินค้าจะอยู่อีกซีกโลกหนึ่ง




Thank  ::  http://r63.wikidot.com/073

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น